ยินดีต้อนรับ สู่เว็บบล็อกเพื่อเผยแพร่ผลงาน และแลกเปลี่ยนเรียนรู้ นำเสนอสิ่งที่ได้พบได้อ่านและน่าจะเป็นประโยชน์ต่อเพื่อนวิชาชีพเดียวกัน

วันอังคารที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2551

การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้โครงงานวิทยาศาสตร์

ชื่อเรื่อง : การจัดกิจกรรมการเรียนการสอนโดยใช้โครงงานวิทยาศาสตร์
ผู้วิจัย : นางนฤมล ดีนาน
ปีที่ทำ : 2548-2549

โครงการหนึ่งโรงเรียนหนึ่งนวัตกรรม เป็นนโยบายที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มอบให้สำนักพัฒนานวัตกรรมการจัดการศึกษา ดำเนินการตามแผนบริหารราชการแผ่นดิน พ.ศ. 2548-2551 ยุทธศาสตร์ที่ 2 โดยมุ่งพัฒนาคนและสังคมให้มีคุณภาพ : การสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้ตลอดชีวิต พัฒนาคนให้มีความรู้คู่คุณธรรมและจริยธรรม เตรียมความพร้อมให้สอดคล้องกับการพัฒนาและการแข่งขันของประเทศ
โรงเรียนบ้านโคกลำดวน เป็นโรงเรียนที่จัดการศึกษาในระดับการศึกษาขั้นพื้นฐาน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุรินทร์ เขต 1 กระทรวงศึกษาธิการ เปิดดำเนินการตั้งแต่ปี พ.ศ. 2497 จนถึงปัจจุบัน มีเนื้อที่ 9 ไร่ 1 งาน 56 ตารางวา จัดสอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลปีที่ 1 ถึงระดับมัธยมศึกษาปีที่ 3 ได้นำนโยบายดังกล่าวมาสู่การปฏิบัติโดยกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์เห็นว่า การจัดการเรียนการสอนโดยเฉพาะสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ประสบปัญหาที่นักเรียนไม่สนใจการเรียน ผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนต่ำ ซึ่งจากการวิเคราะห์ผู้เรียนแล้วพบว่าสาเหตุที่นักเรียนขาดความสนใจนั้นเนื่องมาจากพื้นฐานทางการเรียนต่ำ นักเรียนมีความสนใจในภาคปฏิบัติมากแต่ไม่สามารถสรุปเป็นองค์ความรู้ด้วยตนเองได้ ดังนั้นครูจึงต้องจัดการเรียนการสอนโดยการใช้กระบวนการเรียนการสอนที่หลากหลาย จึงได้นำรูปแบบการเรียนการสอนแบบโครงงานวิทยาศาสตร์มาทดลองใช้ในกิจกรรมชุมนุมวิทยาศาสตร์ เนื่องจากเป็นกลุ่มทดลองขนาดเล็ก เพื่อศึกษาและพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนการสอนแบบโครงงาน วิทยาศาสตร์ ให้นักเรียนสามารถใช้ความรู้ความสามารถที่มีในการศึกษา แก้ปัญหา สรุปรวบรวมองค์ความรู้ตามกระบวนการทางวิทยาสาสตร์ได้ ทำให้เกิดผลงานที่นักเรียนสร้างสรรค์ขึ้น อาทิเช่น การผลิตของใช้ เครื่องใช้ในชีวิตประจำวันได้ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักเรียนมีความภาคภูมิใจ

ความมุ่งหมายของการศึกษา
1. เพื่อพัฒนาการเรียนการสอนโดยใช้รูปแบบโครงงานวิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ระดับชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
2. เพื่อส่งเสริมให้นักเรียนสามารถคิดค้นผลิตภัณฑ์เพื่อใช้ในชีวิตประจำวันได้

ประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร ประชากรที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้เป็นนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 - 3 โรงเรียน บ้านโคกลำดวน ตำบลหนองเหล็ก อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ปีการศึกษา 2548 และ 2549 จำนวน 5 ห้องเรียน จำนวนนักเรียนประมาณ 152 คน
กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนกิจกรรมชุมนุมวิทยาศาสตร์ โรงเรียนบ้านโคกลำดวน ตำบลหนองเหล็ก อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ ปีการศึกษา 2548 จำนวน 1 กลุ่ม จำนวนนักเรียน 12 คน ได้มาโดยการเลือกแบบเจาะจง
ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษา
ระยะเวลาที่ใช้ในการศึกษากระทำในปีการศึกษา 2548 ถึงปีการศึกษา 2549 โดยผู้ศึกษาและทีมงานเป็นผู้ดำเนินการด้วยตนเอง

เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ประกอบด้วย
1. แผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ที่ผู้ศึกษาสร้างขึ้น จำนวน 2 แผน และแผนการจัดการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ช่วงชั้นที่ 2
2. แบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของผู้เชี่ยวชาญ โดยแบบประเมินดังกล่าวมีรายการประเมินที่เป็น Rating Scale 5 ระดับ ซึ่งจะครอบคลุมเกี่ยวกับความเหมาะสมทางด้านเนื้อหา ความเหมาะสมทางด้านสื่อ ความเหมาะสมทางด้านกิจกรรมการเรียนการสอน และความเหมาะสมทางด้านการวัดและการประเมิน
3. แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ จำนวน 20 ข้อ

4. แบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนการสอนที่เป็น Rating Scale 5 ระดับ จำนวน 1 ฉบับ

การสร้างเครื่องมือที่ใช้ในการศึกษา
1. การสร้างแผนการจัดการเรียนรู้ ผู้ศึกษาค้นคว้าดำเนินการสร้าง ตามขั้นตอน ดังนี้
1.1. ศึกษาหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน พุทธศักราช 2544 ช่วงชั้นที่ 3 เพื่อให้ทราบหลักการ เป้าหมาย เจตนารมณ์ของหลักสูตร จุดประสงค์ของหลักสูตร (กระทรวงศึกษาธิการ : 2545 )
1.2. ศึกษากลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เพื่อให้ทราบขอบเขตเนื้อหา
1.3. วิเคราะห์เนื้อหาสาระ
1.4. ศึกษา วิธีเขียนแผนการจัดการเรียนรู้เพื่อให้ได้แนวทางจาก หลักการสอน (อาภรณ์ ใจเที่ยง. 2540 : 197-220) จากการเขียนแผนการเรียนรู้ (รุจิร์ ภู่สาระ. 2545 : 128-169) และศึกษาวิธีสร้างสื่อประกอบการเรียน จากเทคโนโลยีทางการเรียนการสอน (สมบูรณ์ สงวนญาติ. 2534)
1.5. เขียนแผนการจัดการเรียนรู้ จำนวน 2 แผน เวลา 16 ชั่วโมง
1.6. จัดพิมพ์แผนการจัดการเรียนรู้
1.7. นำแผนการจัดการเรียนรู้ เสนอผู้เชี่ยวชาญ เพื่อให้ตรวจสอบ ความถูกต้องของสาระ จุดประสงค์ กิจกรรม ชุดการเรียนรู้ การวัด การประเมินผล
1.8. นำแผนการจัดการเรียนรู้ มาปรับปรุงตามข้อเสนอแนะของผู้เชี่ยวชาญ เพื่อเตรียมนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างจริงในการศึกษาโดยการนำแผนการจัดการเรียนรู้ที่ได้รับการแก้ไขปรับปรุงแล้ว ไปทดลองสอนนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โรงเรียนบ้านโคกลำดวน ตำบลหนองเหล็ก อำเภอศีขรภูมิ จังหวัดสุรินทร์ จำนวน 12 คน
2. การสร้างแบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของผู้เชี่ยวชาญ ดำเนินการสร้าง ดังนี้
2.1 ศึกษาหลักการ วิธีการสร้างแบบประเมินจากหนังสือ การศึกษาเบื้องต้น ของ บุญชม ศรีสะอาด. (2545 : 72-101) และศึกษารูปแบบของแบบประเมินแผนการสอนของ วิรัตน์ ปักการะนา (2544), วิราภรณ์ เมืองซอง (2545)
2.2 จัดสร้างแบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ ให้ครอบคลุมองค์ประกอบแผนการจัดการเรียนรู้และสื่อประกอบการเรียนรู้ ทุกด้าน ได้แก่
2.2.1 สาระสำคัญ
2.2.2 เกณฑ์การผ่านช่วงชั้นและการจบหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน
2.2.3 เนื้อหาสาระการเรียนรู้
2.2.4 กิจกรรมการเรียนการสอน
2.2.5 สื่อประกอบการเรียนรู้
2.2.6 การวัดและประเมินผล การเรียนรู้
2.2.7 ความสอดคล้องกัน จากข้อ 3.2.1-3.2.6

โดยมีรายการประเมินที่เป็น Rating Scale โดยแบ่งระดับ ความคิดเห็นออกเป็น 5 ระดับ คือ
เหมาะสมมากที่สุด ให้ 5 คะแนน
เหมาะสมมาก ให้ 4 คะแนน
เหมาะสมปานกลาง ให้ 3 คะแนน
เหมาะสมน้อย ให้ 2 คะแนน
เหมาะสมน้อยที่สุด ให้ 1 คะแนน
เมื่อนำไปใช้เกณฑ์ในการให้ระดับคะแนนในแต่ละข้อโดยการหาค่าเฉลี่ย โดยมีเกณฑ์ดังนี้คือ ค่าเฉลี่ย ระหว่าง 4.51 – 5.00 หมายถึง เหมาะสมมากที่สุด
ค่าเฉลี่ย ระหว่าง 3.51 – 4.50 หมายถึง เหมาะสมมาก
ค่าเฉลี่ย ระหว่าง 2.51 – 3.50 หมายถึง เหมาะสมปานกลาง
ค่าเฉลี่ย ระหว่าง 1.51 – 5.00 หมายถึง ควรปรับปรุงแก้ไข
ค่าเฉลี่ย ระหว่าง 1.00 – 1.51 หมายถึง ไม่เหมาะสม
ผู้ศึกษาค้นคว้าได้กำหนดระดับในการยอมรับความเหมาะสมของแผนการจัดการเรียนรู้ ในแต่ละด้านจากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ และจากครูผู้สอนค่าเฉลี่ยจะต้องอยู่ในระดับเหมาะสมมาก คือ 3.51 ขึ้นไป นำแบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความถูกต้องเหมาะสม และปรับปรุงแก้ไข
2.1 นำคะแนนที่ได้จากแบบประเมินแผนการจัดการเรียนรู้ของผู้เชี่ยวชาญมาหาค่าเฉลี่ย และนำค่าเฉลี่ยเปรียบเทียบกับเกณฑ์ระดับความเหมาะสมที่ตั้งไว้เพื่อปรับปรุงแก้ไขและนำไปใช้ต่อไป

3. การสร้างแบบสอบถามความพึงพอใจต่อการจัดการเรียนสอนแบบโครงงาน มีขั้นตอนดังนี้
3.1 ศึกษาเอกสารและงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกับความคิดเห็นต่อการเรียนการสอนวิทยาศาสตร์
3.2 สร้างแบบสอบถามจำนวน 20 ให้คลอบคลุมด้าน สาระการเรียนรู้ ด้านการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ ด้านสื่อการเรียนการสอน และด้านการวัดและประเมินผล
3.3 เสนอต่อผู้เชี่ยวชาญเพื่อตรวจสอบความถูกต้องและความเหมาะสมของข้อคำถาม ปรับปรุงแก้ไขตามผู้เชี่ยวชาญแนะนำ

วิธีดำเนินการศึกษา
ระยะเวลาที่ใช้ในการทดลอง 2 ปีการศึกษา ระหว่างปีการศึกษา 2548 - 2549 รายละเอียดการศึกษาดังนี้
1. การดำเนินการสอน มีขั้นตอนดังนี้
1.1. ขั้นนำเข้าสู่บทเรียน เพื่อเป็นการกระตุ้นความสนใจ และสร้างความพร้อม
ในการเรียน
1.2. ขั้นประกอบกิจกรรมการเรียนการสอน โดยให้ผู้เรียนมีบทบาทในกิจกรรม
การเรียนการสอน เพื่อให้บรรลุถึงจุดประสงค์การเรียนรู้ที่วางไว้
1.3. ขั้นสรุปบทเรียน เป็นการสรุปความเข้าใจของนักเรียนในเรื่องนั้น ๆ
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. หาค่าเฉลี่ยของคะแนนประเมินแผนการจัดการเรียนรู้จากการประเมินของผู้เชี่ยวชาญ
2. หาค่าสถิติพื้นฐาน คือ ร้อยละ ค่าคะแนนเฉลี่ย
สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล
1. สถิติพื้นฐาน
1.1 ค่าร้อยละ จากสูตร (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 104)
1.2 ค่าเฉลี่ย จากสูตร (บุญชม ศรีสะอาด. 2545 : 105)


ผลการวิเคราะห์ข้อมูล
วิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น โดยการให้นักเรียนตอบแบบสอบถามหลังการเรียนด้วยโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น
พบว่าความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.71 อยู่ในระดับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง

การศึกษาในระยะที่ 1 นี้ ผู้ศึกษา ได้ทำการวิเคราะห์ความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น เพื่อเป็นข้อมูลในพัฒนานวัตกรรมต่อไป
สรุปผลการวิจัย
การใช้แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น ปรากฏผลดังนี้
ความพึงพอใจของนักเรียนหลังเรียนที่มีต่อแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.71 อยู่ในระดับ เห็นด้วยอย่างยิ่ง
อภิปรายผล
ผู้ศึกษาค้นคว้าได้สรุปผลการพัฒนาแผนการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น สามารถอภิปรายผลได้ ดังนี้
ผลการศึกษาความพึงพอใจของนักเรียนที่มีต่อการเรียนด้วยชุดการเรียนรู้โครงงาน กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ เรื่อง เริ่มต้นกับโครงงานวิทยาศาสตร์ ชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.71 อยู่ในระดับ มากที่สุด จากการสังเกตพฤติกรรมการเรียนรู้ของนักเรียนในแต่ละแผนการจัดการเรียนรู้ แสดงให้เห็นว่า นักเรียนมีความสนใจและพอใจ ในการเรียนด้วยโครงงาน เนื่องจากแผนการเรียนรู้ด้วยโครงงานที่สร้างขึ้นนี้เนื้อหามีความเหมาะสม นักเรียนเห็นว่าสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้ กิจกรรมแต่ละกิจกรรมที่สร้างขึ้นเพื่อกระตุ้นให้นักเรียนเกิดความคิด ในระหว่างเรียนนั้นนักเรียนมีปฏิสัมพันธ์ทั้งระหว่างเพื่อนนักเรียนด้วยกันมากขึ้น และกับครู ทำให้มีความกระตือรือร้นที่ได้ลงมือปฏิบัติจริงซึ่งทำให้นักเรียนมีความสุขในการเรียนมากขึ้น ครูประเมินผลทุกระยะในกิจกรรมการเรียนการสอนโดยมีทั้งการประเมินนักเรียนด้วยการสังเกตพฤติกรรมรายบุคคลและรายกลุ่ม ครูมีการชมเชยเมื่อนักเรียนมีความก้าวหน้าในการปฏิบัติกิจกรรมโครงงาน แสดงว่าการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนด้วยโครงงานนี้ นักเรียนมีความสุขเมื่อได้รับผลสำเร็จตามความมุ่งหมาย ความต้องการ หรือแรงจูงใจนักเรียนจึงมีความพอใจในการเรียนอยู่ในระดับมากที่สุด สอดคล้องกับนิยามของ มนตรี เฉียบแหลม (2536 : 7) กล่าวถึงความพึงพอใจหมายถึง ความรู้สึกมีความสุขเมื่อเราได้รับผลสำเร็จตามจุดมุ่งหมาย (Goals) ความต้องการ (Wants) หรือแรงจูงใจ (Motivation) และ งานวิจัยของ สุมาลี โชติชุ่ม (2544 : บทคัดย่อ) ได้ศึกษาผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์และเชาวน์อารมณ์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 ด้วยการสอนโดยใช้ชุดการเรียนวิทยาศาสตร์ที่ส่งเสริมเชาวน์อารมณ์กับการสอนตามคู่มือครู ผลการศึกษาสรุปได้ว่า นักเรียนที่ได้รับการสอน โดยใช้ชุดการเรียนวิทยาศาสตร์ที่ส่งเสริมเชาวน์อารมณ์ กับการสอนตามคู่มือครู มีผลสัมฤทธิ์ทางการเรียนวิชาวิทยาศาสตร์ แตกต่างกัน
จากการศึกษาค้นคว้า ทำให้ได้แผนการจัดการเรียนรู้ด้วยโครงงานที่ครูผู้สอนสามารถนำไปพัฒนาปรับปรุงให้สามารถนำไปใช้จัดการเรียนรู้ได้ตามความมุ่งหมายการจัดการศึกษา

ข้อสังเกตและข้อค้นพบที่ได้จากการศึกษาค้นคว้า
1. ในแผนการจัดการเรียนรู้ทั้ง 2 นี้ ได้มุ่งเน้นวิธีเรียนวิธีสอนที่ยกเอาเป้าหมายหรือปัญหาเป็นตัวตั้ง ผู้สอนช่วยกระตุ้นหรือชี้แนะ ให้ผู้เรียนรู้จักสังเกต รู้จักแก้ปัญหา ให้บรรลุผลตามที่มุ่งหมาย อันจะเป็นการฝึก การคิดเป็น ทำเป็น แก้ปัญหาเป็น ให้นักเรียนเป็นผู้ลงมือปฏิบัติมากที่สุด มีการใช้กิจกรรมการอภิปรายกลุ่มย่อย การใช้กระบวนการกลุ่ม สื่อประกอบการเรียนรู้ที่หลากหลาย การจัด กิจกรรมให้นักเรียนได้ตรวจสอบความรู้ ความคิดของตนเองและได้ทราบผลทันที ช่วยเสริมแรงและจูงใจให้นักเรียนต้องการปรับปรุงตนเอง หรือปรับปรุงผลงานให้ดีขึ้น (กรมวิชาการ 2535 : 6-23)
2. ผลจากการจัดการเรียนการสอนโครงงานเมื่อสิ้นสุดภาคเรียนที่ 1 ปีการศึกษา 2548 ได้ทำการประเมินผลระยะที่ 1 โดยให้นักเรียนเลือกเสนอโครงงานวิทยาศาสตร์พบว่ามีโครงงานที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของผู้เรียนจนสามารถส่งเข้าแข่งขันทักษะความเป็นเลิศทางวิชาการเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาสุรินทร์ เขต 1 จัดขึ้น ในนามโรงเรียนจำนวน 2 โครงงานได้แก่โครงงานวิทยาศาสตร์ทั่วไป เรื่อง เปรียบเทียบการทำยาหม่องระหว่างการใช้น้ำมันไพลกับน้ำมันมะกอก และโครงงานวิทยาศาสตร์สิ่งประดิษฐ์ เรื่อง ไม้ปัดฝุ่นจากป่านศรนารายณ์ และได้รับการคัดเลือกเป็นตัวแทนของ CEO ศีขรภูมิ 2 เข้าแข่งขัน ณ โรงเรียนสุรินทร์ราชมงคล ปรากฏว่าได้รับรางวัลระดับเหรียญเงิน ในการแข่งขันโครงงานวิทยาศาสตร์ทั่วไป เรื่อง เปรียบเทียบการทำยาหม่องระหว่างการใช้น้ำมันไพลกับน้ำมันมะกอก
ข้อเสนอแนะ
1. ข้อเสนอแนะเพื่อการพัฒนาต่อไป
1.1 การสอนโดยใช้การเรียนรู้แบบโครงงานให้ได้ผลดี ควรส่งเสริมให้นักเรียนมีนิสัยการทำงานร่วมกับผู้อื่น โดยเฉพาะด้านความรับผิดชอบและการตรงต่อเวลา จึงจะส่งผลให้การสอนมีประโยชน์มากที่สุด
1.2 ในเนื้อหาที่ใหม่และหรือมีความยากควรมีการส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตเพื่อการสืบค้น ผู้บริหาร และผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา ควรนำสนับสนุนการพัฒนานวัตกรรมใหม่ ๆ โดยเฉพาะในด้านวัสดุ อุปกรณ์ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการศึกษาค้นคว้าสร้างนวัตกรรม และเผยแพร่ให้มีการนำไปใช้อย่างกว้างขวาง เพื่อก่อให้เกิดประโยชน์ในด้านการศึกษาต่อไป

3 ความคิดเห็น:

KaRtoON กล่าวว่า...

เป็นกิจกรรมที่น่าสนใจมากค่ะ

Siranun กล่าวว่า...

ดีจังเลยขอบอก

Unknown กล่าวว่า...

หรับท่านที่กำลังมองหางานหรืออยากมีรายได้เสริมสนใจโปรโมทโปรเจ็คใหม่กับทางบริษัทเรารายได้รวมต่อสัปดาห์ๆละ2000-3000มากน้อยตามความขยันของแต่ละบุคคลเพียงแค่มีเวลาเล่นอินเตอร์เน็ตต่อวันไม่ต่ำกว่า2-3ชั่วโมง
ง่ายๆแค่นี้สนใจ รับ17+นะจ๊ะ
เฉพาะ ลำปาง แพร่ น่าน พะเยา
คลิกๆๆๆๆๆๆๆ http://goo.gl/forms/slvZpfeLQe